มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Disco- very Museum) ภายใต้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้น การสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็น ต้นแบบของ แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับ มาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการ รู้จัก ตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่” ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการ เรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่และกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุก- สนานยิ่งขึ้น
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวว่า มิวเซียมสยาม เป็นที่แรกของพิพิธภัณฑ์พร้อมรองรับผู้พิการทางสายตาที่จะได้รับชมนิทรรศการไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป มีบริการมาตรฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ ทางเดินสำหรับผู้พิการทางสายตาที่จะมีการติดตั้ง 14 ห้องการจัดแสดงนิทรรศการ และรถเข็น
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการบรรยายนิทรรศการอย่างละเอียด และมีโมเดลจำลองที่จัดขึ้นเฉพาะการเรียนรู้สำหรับผู้พิการทางสายตา เพื่อให้เข้าใจเนื้อหานิทรรศการยิ่งขึ้น อาทิ โมเดลศิลาจารึก เสื้อลูกไม้แขนหมูแฮม(ห้องไทยแปลไทย) โมเดลเขาพระสุเมรุ (ไทยอลังการ) โมเดลนางกวัก(ไทย ONLY) โมเดลเรือสุพรรณ(ไทยอินเตอร์) เกมส์กินเจ เกมส์สงกรานต์ (ไทยประเพณี) และจัดทำอักษรเบรลล์ขยายความรู้เนื้อหา ตำราเรียน 4 ยุค สำหรับห้องนิทรรศการไทยวิทยา และยังมีความรู้เกี่ยวกับนิทรรศการทั้ง 14 ห้อง โดยทำเป็นอักษรเบลล์พลาสติกที่เตรียมพร้อมให้บริการที่จุดจำหน่ายบัตร
ทั้งนี้ ในอนาคตจะมีการผลิต Audio Guide ที่เสียงบรรยายเฉพาะสำหรับผู้พิการทางสายตา ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเรามีบริการ Audio Guide ด้วยกันถึง 6 ภาษา ประกอบด้วย ภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส จีนและญี่ปุ่นสามารถใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มิวเซียมสยามได้เพิ่มสื่อการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคเข้ามาผสมผสานเนื้อหาในแต่ละห้อง เพื่อขยายสอดแรกข้อมูลให้กับผู้ชมให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นผ่าน AR(Augmented Reality) เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองภาพ วิดีโอ เสียง เช่น จำลองเขาพระสุเมรุ ภาพจำลองภาพบรรยากาศห้องเรียนในแต่ละยุค หรือใครอยากจะเสี่ยงเซียมซีกันแบบ AR ก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากใครอยากทราบข้อมูลวัตถุจัดแสดง ก็สามารถ QR สแกนได้ทันทีและระบบ VR( Virtual Reality ) การจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็นหรือได้ยินเสียง โดยสวมแว่นตาและมีรีโมทเมาส์ควบคุมที่จะให้ผู้เล่นได้ไปทัวร์ห้องนิทรรศการ 14 ห้องอย่างสนุกสนาน
ภายในอนาคตอาจมีการไปสถาบันการศึกษาหรือแหล่งเรียนรู้ที่อาจไม่สะดวกเดินทางมามิวเซียมสยาม แต่ก็สามารถสนุกและเข้าใจเนื้อหานิทรรศการทั้ง 14 ห้องได้ไม่ต่างจากที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง
ในการสื่อสาร “ถอดรหัสไทย” ผ่านเทคโนโลยีและวิธีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ เข้ากับยุคสมัย และตอบรับกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของประชาชนมากขึ้น ชวนให้ผู้เข้าชมคิดต่อยอด ตลอดจนเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกสนุกและสามารถติดตามเนื้อหาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ สำหรับห้องนิทรรศการทั้ง 14 ห้องประกอบด้วย
1.ห้องไทยรึเปล่า? : นำเสนอประเด็นคำถาม โดยหยิบยกกรณีตัวอย่างปรากฏการณ์ “ความเป็นไทย” ที่เป็นข้อถกเถียงในสังคม อาทิ เลดี้กาก้าสวมชฎา ชุดประจำชาติมิสยูนิเวิร์ส นักแสดงหน้าฝรั่งเล่นละครไทย เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้าตั้งคำถามถึงความเป็นไทยรอบตัว ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ว่าแท้จริงแล้ว อะไรคือความเป็นไทย
2.ห้องไทยแปลไทย : ห้องจัดแสดงที่เต็มไปด้วยตู้โชว์ ลิ้นชัก ที่ภายในบรรจุวัตถุจัดแสดง นำเสนอประเด็นสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยในแต่ละยุคสมัย ให้ผู้เข้าชมมาเรียนรู้และค้นหา “ความเป็นไทย” ในสิ่งของเหล่านั้นที่ส่งผลถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยในปัจจุบัน
3.ห้องไทยตั้งแต่เกิด : โชว์การพัฒนาการความเป็นไทย ที่นำเสนอเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และสิ่งแสดงความเป็นไทยในสมัยต่าง ๆ 9 ยุคสมัย ผ่านเทคโนโลยีโมดูลไฮดรอลิก เสียงบรรยาย และกราฟิก ที่ถูกนำมาใช้ในนิทรรศการครั้งแรกของไทย
4.ไทยสถาบัน : นำเสนอแก่นแนวคิดเรื่อง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 3 สถาบันหลัก ที่สะท้อนรูปแบบการแสดงออกของความเป็นไทย ผ่านเทคโนโลยีเออาร์ ออกแบบคล้ายเกมส์จิ๊กซอว์ ที่ผู้ชมสามารถประกอบคิวบิกบนโต๊ะกลางห้อง และภาพจำซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็น ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล
5.ห้องไทยอลังการ : ภายในจำลองบรรยากาศของท้องพระโรงและพระที่นั่ง เพื่อแสดงถึงสุนทรียะ ความงดงามของสถาปัตยกรรมอันสูงค่า และงานประณีตศิลป์ รวมถึงสะท้อนความหมาย ความศรัทธา คติฮินดู และความเชื่อพุทธศาสนา ที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ อันเป็นศูนย์กลางของประชาชน
6.ห้องไทยแค่ไหน : นำเสนอความเป็นไทยผ่านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย จัดแสดงด้วยหุ่นเสื้อผ้าที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไทยในรูปแบบต่าง ๆ วางกระจายอยู่บนฐานเกลียวก้นหอย โดยมีชุดโขนเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อแสดงถึงสถานะและลำดับความเข้มข้นของความเป็นไทย
7.ห้องไทย Only : ห้องที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่เราเห็นกันอย่างคุ้นตาในชีวิตประจำวัน ที่เห็นแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นของไทยแน่นอน อาทิ พวงเครื่องปรุง ถุงหิ้วกาแฟผูกหนังยาง โครเชต์หุ้มหูกระเป๋าแบรนด์เนม มาม่าสารพัดรส รวมถึงไฮไลท์เด็ด คุณเอิบทรัพย์ หุ่นนางกวักยักษ์สูงกว่า 4 เมตร เป็นต้น ซึ่งสะท้อนบุคลิกภาพความเป็นคนไทยช่างประดิษฐ์ ปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ให้สะดวกสบาย และเหมาะสมกับสถานการณ์
8.ห้องไทย Inter : นำเสนอประเด็นมุมมองความเป็นไทยของสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันในสายตาชาวไทยกับชาวต่างประเทศ อาทิ เรือสุพรรณหงส์คู่กับเรือหางยาว ผลไม้แกะสลักคู่กับผลไม้รถเข็น สำรับอาหารชาววังคู่กับอาหารไทยริมทางเท้า สะท้อนมุมมองความเป็นไทย ที่ต้องการให้คนอื่นเห็น กับ สิ่งที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
9.ห้องไทยวิทยา : ภายในจำลองบรรยากาศห้องเรียน 4 ยุคสมัย ได้แก่ ยุคเริ่มต้นประชาธิปไตย ความเป็นไทยยุค 2500 ความเป็นไทยยุคโลกาภิวัตน์ และความเป็นไทยยุคพอเพียง ซึ่งสะท้อนถึงการปลูกฝังความเป็นชาติไทยผ่านบทเรียน โดยเนื้อหาแต่ละยุคจะมีทั้งเรื่องความแตกต่างทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ที่ถูกสอดแทรกไว้ผ่านการศึกษา แบบเรียน และบทเพลงแต่ละยุคสมัย
10.ห้องไทยชิม : ห้องครัวมีชีวิต ที่พาคุณไปเรียนรู้ที่มาของอาหารไทยขึ้นชื่อต่าง ๆ อย่าง ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไทย เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีคิวอาร์สแกน พร้อมโมชันกราฟิกสีสันสวยงาม รวมถึงแผ่นพับรูปจาน ที่สอดแทรกเกร็ดความรู้อาหารเหล่านั้น บอร์ดกราฟิกชวนตั้งคำถามกับเมนูอาหารไทยที่มีชื่อต่างประเทศ อาทิ ขนมจีน ข้าวผัดอเมริกัน ขนมโตเกียว เป็นต้น
11.ห้องไทยดีโคตร : นำเสนอพัฒนาการของความเป็นไทย ที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอื่น อาทิ พระปรางค์วัดอรุณ ที่สุดของสถาปัตยกรรม ตัวอักษรไทย รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น ผ่านรูปแบบการนำเสนอด้วยภาพ ซึ่งผู้ชมสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อาทิ เลเซอร์คัท 3 มิติ โซโทรป ฟลิปบุ๊ก เป็นต้น
12.ห้องเชื่อ : ห้องที่รวบรวมวัตถุด้านความเชื่อของเมืองไทย กว่า 108 สิ่ง ครอบคลุมทั้งความเชื่อเรื่อง ผี พุทธศาสนา พราหมณ์และความเชื่อแบบไทย ๆ ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิต พร้อมเวิร์กชอปความเชื่อให้ทดลองกันได้จริง อาทิ การทำนายโชคชะตา การเสี่ยงทายรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น
13.ไทยประเพณี : ห้องจัดแสดงในรูปแบบโกดังเก็บของ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ ประเพณี เทศกาล และมารยาท อันเป็นสิ่งสะท้อนความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน ใส่ไว้ในกล่อง ภายในมีเอกสารอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องต่าง ๆ ภาพประกอบของจริงที่จับต้องได้ เล่นได้ และมีเกมที่จะทำให้เข้าใจเรื่องราวได้สนุกยิ่งขึ้น
14.ไทยแชะ : สตูดิโอถ่ายภาพ นำเสนอประเด็นความสำคัญของ ภาพถ่าย เป็นหลักฐานที่บ่งบอกความเป็นไทยและทำให้เรารู้จักผู้คน และบ้านในยุคสมัยต่าง ๆ ได้ชัดเจนที่สุด โดยผู้ชมสามารถเลือกชุด เครื่องประดับ ฉาก และเครื่องประกอบฉาก สำหรับถ่ายภาพบันทึกความทรงจำไว้ได้ตามอัธยาศัย
วันและเวลาทำการ
วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดให้บริการทุกวันจันทร์) เวลา 10.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
บุคคลทั่วไป
นักเรียน นักศึกษา (อายุ 15 ปีขึ้นไป)50บาท
ผู้ใหญ่คนไทย 100 บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ 200 บาท
หมู่คณะ 5 คนขึ้นไป
นักเรียน นักศึกษา (อายุ 15 ปีขึ้นไป)25บาท
ผู้ใหญ่คนไทย50บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ100บาท
หมู่คณะตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป (ไม่เกิน 80 คน) ติดต่อ 02 225 277 ต่อ 411
นิทรรศการถาวรชุด “ถอดรหัสไทย” เปิดให้เข้าชมแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลา 10.00 – 18.00 น. วันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) ณ มิวเซียมสยาม ท่าเตียน (ข้างวัดโพธิ์) กรุงเทพฯ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777 หรือเข้าไปที่ www.museumsiam.org หรือ www.facebook.com/museumsiamfan สำหรับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษา ที่มีความประสงค์จะนำนักเรียน นักศึกษา เข้าชมนิทรรศการเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777
สำหรับเยาวชนไทยและเยาวชนต่างชาติ อายุต่ำกว่า 15 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พระภิกษุสงฆ์ นักบวช ผู้พิการและทุพพลภาพ มัคคุเทศน์ (แสดงบัตรประจำตัวที่ออกโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)
การเดินทาง
โดยรถยนต์ : ลงทางด่วนที่ด่านยมราช วิ่งเข้าถนนหลานหลวง ราชดำเนิน ผ่านสนามหลวง ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว และวิ่งตรงมาถนนสนามไชย ผ่านวัดโพธิ์ มิวเซียมสยามอยู่ขวามือ
รถโดยสารประจำทางสาย 3, 6, 9, 12, 32, 44, 47, 48, 53, 82, 524
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT : สถานีสนามไชย
เรือด่วน : ลงท่าเรือราชินี หรือ ท่าเตียน
กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป (ไม่เกิน 80 คน) ติดต่อ 02 225 2777 ต่อ 411
ข้อมูลสำหรับผู้พิการ
มีทางลาดและลิฟท์สำหรับผู้พิการ
สิ่งอำนวยความสะดวก
ร้านขายของที่ระลึก Muse Shop
ที่จอดรถ
ร้าน Muse Cafe by D'Oro Coffee
ร้าน Muse Kitchen by Elefin
09 สิงหาคม 2562
ผู้ชม 1118 ครั้ง